ดูเหมือนกว่าคนไทยนั้น จะชินกับการละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น โดยเฉพาะการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การนำของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ได้ขออนุญาติ ซื้อสินค้าลอกเลียนแบบ คัดลอกงานของผู้อื่น ฯลฯ ทุกอย่างเหล่านี้ ดูเหมือนกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาคนไทย และคิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ในขณะที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องนั่งน้ำตาตกใน จากการสูญเสียรายได้มหาศาล อันเป็นผลมาจากการถูกละเมิดโดยกลุ่มคนเหล่านี้เอง นั่นจึงทำให้กฎหมายจึงมีบทบาทสำคัญมากที่จะมาช่วยปกป้องผู้สร้างผลงาน วันนี้เราจึงจะพามาเข้าใจกันให้มากขึ้นว่า ลิขสิทธิ์เพลงมีควาหมายว่าอะไร มีขอบเขตอำนาจแค่ไหน แล้วกฎหมายเข้ามามีส่วนอย่างไร

อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า “ลิขสิทธิ์เพลง”

งานฝีมือทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ โปรแกรม หรือ เพลง ต่างก็ได้รับความคุ้มครองเบื้องต้น นับตั้งแต่วันที่ชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์ “ลิขสิทธิ์เพลง” เป็นความคุ้มครองของงานดนตรี ซึ่งเจ้าของสามารถเรียกเก็บ “ค่าลิขสิทธิ์เพลง” จากผู้นำผลงานไปเผยแพร่ หรือใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้

การเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง

การเปิดฟังเพลงส่วนตัวนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่ากังวล betflik สล็อต แต่ถ้าเป็นการนำไปใช้เป็นเพลงประกอบในร้านอาหาร หรือนำเพลงไปใช้ประกอบวีดีโอ แบบนี้ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งค่ายทั้งหลายก็จะมีบริษัทเรียกเก็บเป็นของตนเอง มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่รายเดือน ไปจนถึงรายปี ยกตัวอย่างเช่น บริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา มีงานดนตรีอยู่ในเครือจำนวน 1,402 เพลง หากใครจะเอา 1 เพลงในนั้นไปใช้ หรือเอาทั้งหมด ก็ต้องจ่ายรายเดือนให้กับทางบริษัท ถ้าเป็นร้านอาหารจะคิด 3,000 ต่อ/ปี, ห้างสรรพสินค้า 5,000 ต่อ/ปี
ส่วนประเภทคาราโอเกะที่อยู่ในห้องอาหาร หรือตามร้านคาราโอเกะ 1,800 บาท/3 เดือน กับ 6,480 บาท/1 ปี นี่เป็นแค่ตัวอย่างที่ยกมาแค่ 1 บริษัทเท่านั้น ลองยกตัวอย่างดูเล่นๆ หากคุณเปิดเพลงจากค่ายเพลงต่างกัน 3 ค่าย คุณก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์รายเดือนให้กับทั้ง 3 บริษัท เท่ากับว่าเสียเงินกันหลายต่อเลยทีเดียว ทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่เปิดเพลง หรืออาจจะแอบเปิด แต่ถ้าถูกจับได้ก็เสียเงินกันบานแน่นอน แถมยังต้องเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาลกันอีกด้วย

บทลงโทษของผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์

ตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ระบุเอาไว้ว่า การที่ผู้ใด ทำการคัดลอก ดัดแปลง เพื่อนำไปเผยแพร่ มีความผิดตามมาตรา 69 มีโทษปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท ถ้าทำเพื่อการค้าจะมีโทษเพิ่มคือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับเป็นเงิน 100,000 ถึง 800,000 บาท สำหรับผู้ที่สมรู้ร่วมคิดก็โดนด้วยเช่นกัน มีความผิดตามมาตรา 70 โทษปรับ 10,000 ถึง 100,000 บาท