หลังจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่ว่าจะหน่วยงานไหนก็ตาม เข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง และอีกมากมาย เมื่อจับสินค้าแล้วก็เอาของพวกนั้นไปเผาทิ้ง ทำเอาหลายคนเกิดข้อถกเถียงกันว่าทำไมต้องไปเผาทิ้งด้วย น่าจะเอาไปบริจาคให้คนยากจนขาดโอกาสมากกว่า ซึ่งภาครัฐก็ยืนยันว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เราก็ต้องเข้าใจตรงกันนะว่ามีเหตุผลของตัวเองด้วย เพราะว่า

เพื่อป้องกันสินค้ากลับสู่ตลาด

การทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการเผา ก็เพื่อทำลายสินค้าไม่ให้กลับเข้าสู่ตลาดซื้อขายได้อีก หากเราเอาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ไปบริจาค แต่เค้ากลับไม่เอาไปใช้ กลับเอาไปขายให้พ่อค้าขายของมือสองอีกต่อหนึ่งเพื่อเอาเงินมาใช้ยังชีพแทน สรุปว่ามันการบริจาคไม่ได้เป็นการช่วยแต่การเป็นการส่งเสริมให้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านั้น กลับมาทำร้ายตลาดต่อไปอีก ยังไม่นับการอำพรางจากการเป็นผู้รับบริจาคแต่เป็นผู้ค้าอีก การเผานับว่าตัดวงจรตรงนี้ได้อย่างสิ้นเชิง

ป้องกันผู้บริโภคได้รับอันตราย

สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าลอกเลียนแบบ ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้รับการทดสอบอย่างแท้จริง หากไม่เผาทำลาย แล้วนำไปบริจาคอาจจะทำให้ผู้รับบริจาคได้รับสิ่งของอันตรายได้ เช่น เครื่องสำอาง หากนำของละเมิดไปให้พวกเค้าใช้ แล้วเกิดอาการแพ้ หรือ เกิดผลข้างเคียงของยาขึ้นมาตรงนี้ก็มองหาคนรับผิดชอบยากอีก อย่าลืมว่าการแพ้เครื่องสำอางหรือได้รับเครื่องสำอางที่มีสารเคมีไม่ได้มาตรฐานอาจจะทำให้ตายได้เลยนะ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดการเผาเพื่อตัดตอนดีกว่า

สร้างโอกาสให้สินค้าลิขสิทธิ์

การบริจาคสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ให้กับคนยากจนนั้น ดูเหมือนจะเป็นการช่วยเหลือเค้าด้วยหลักเมตตาธรรม แต่มองดูให้ดีการบริจาคแบบนี้ไป เป็นเหมือนการทำร้ายสินค้าถูกลิขสิทธิ์ในท้องตลาดแบบอ้อมๆ ด้วย กล่าวคือ เมื่อคนได้รับบริจาคไปแล้ว สมมุติว่าเสื้อผ้า ทีนี้เค้าก็ไม่ซื้อเสื้อผ้าแบบถูกลิขสิทธิ์ในท้องตลาดอีก เนื่องจากเค้ามีอยู่แล้วทำให้ สินค้าถูกลิขสิทธิ์ขายยากขึ้นไปอีก แล้วถ้าทุกคนมารับบริจาคกันหมดล่ะ สินค้าถูกลิขสิทธิ์ก็คงไม่มีโอกาสได้ขายแน่นอน เพื่อไม่ให้สินค้าละเมิดมาทำให้ความต้องการสินค้าลดลงเผาไปเลยดีกว่า

การจัดการตามหลักสากล

อย่างที่เราทราบกัน ประเทศไทยเราค่อนข้างขึ้นชื่อทีเดียว เรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะมีการจับอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จะหมดไป นั่นทำให้ทางภาครัฐต้องจัดการเรื่องนี้ตามหลักสากล ซึ่งการจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เผานั้นก็เป็นไปตามหลักสากลของทุกประเทศ ดังนั้นเพื่อเป็นการกู้ภาพลักษณ์ประเทศกลับคืนมา เราต้องทำตามกฎสากลเท่านั้น